วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

สุนัขไทยหลังอาน

เขียนโดย 101thairidgeback
ลูกสุนัขไทยหลังอานสวยๆ จากคอก 101ไทยหลังอาน พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ
ลูกสุนัขไทยหลังอานสวยๆ จากคอก 101ไทยหลังอานท่านใดที่สนใจและกำลังมองหาลูกสุนัขไทยหลังอานสวยๆ ระดับประกวดหรือเลี้ยงไว้เพื่อเป็นเพื่อนเฝ้าบ้านลอง โทร.089-8400501 มาคุยหรือปรึกษาหาลือกันดูก่อนได้ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
เขียนโดย 101thairidgeback
คอกอรัญประเทศ คอกสุนัขไทยหลังอานระดับอินเตอร์ โทร.081-7814533 คุณอัศวิน เผ่าเมือง
เขียนโดย 101thairidgeback
พงษ์เพชร พ่อพันธุ์สุนัขไทยหลังอานยอดเยี่ยมแห่งยุคมีผลงานมากมาย โทร.081-8599915 คุณธรรมรัตน์http://www.siamthairidgeback.com/
Name: Multiple BIS.BISS.Int'l.Th.Ch.OSTEN TRD. PONG-PETCH AT SIAM (พงษ์เพชร)Sire: THONG-DEE OF KHUNNANDam: MAYOM OF OSTEN TRD.D.O.B: Oct 08,03Color: RedPosition:-International Champion -Thai ChampionHonour:-No.1:Thai Ridgeback of the year 2005,2006 &2007 -14 ถ้วยพระราชทานฯ 6 ถ้วยพระราชทานสูงสุดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ: -Best in Show(all breed) -2*Reserve Best in Show(all breed) -3*Third in Show(all breed) -Multiple Best in Specialty Show -Mutiple Best in Show(open show)**Produced 13 Thai Champions at the moment**


เขียนโดย 101thairidgeback
ผลงานมากมายกับสุนัขไทยหลังอาน คอกเมืองไทยอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีโทร.087-9999795 คุณเสกสิทธิ์ สุรัตพิพิธ
เขียนโดย 101thairidgeback
การมองหาเจ้าหลังอานมาเลี้ยง ปัจจุบันนี้ในเมืองไทยมีร้านขายสุนัขเปิดขายกันเป็นจำนวนมาก บางร้านก็มีฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขของตัวเองกันเลยทีเดียว บางร้านก็เพียงแต่ซื้อลูกสุนัขมาขายเท่านั้น ผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขจำนวนไม่น้อยที่ไปเดินหาสุนัขที่ต้องการเลี้ยงตามตลาดนัดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สวนจตุจักรนั้นก็มีให้เลือกกันอย่างจุใจกันเลยทีเดียว แม้แต่ตลาดเปิดท้ายขายของที่จัดกันบ่อยๆ ในขณะนี้ก็มีการนำลูกสุนัขไปวางขายกันแล้ว
แต่การเลือกซื้อลูกสุนัขจากร้านที่ไม่ได้มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งแน่นอน หรือร้านที่ไม่มีใบรับรองสายพันธุ์ของสุนัขนั้น ผู้ซื้อก็อาจจะต้องเสี่ยงอยู่บ้างว่าลูกสุนัขที่คุณซื้อมานั้นมีความแข็งแรงสมบรูณ์เพียงใดมีสายพันธุ์ที่ดี มีความเฉลียวฉลาด มีราคาเหมาะสมกับจำนวนเงินที่คุณจ่ายไปหรือไม่ หากคุณเลือกเข้าร้านที่มีประวัติในการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างมืออาชีพมีเกียรติบัตรรับรอง มีถ้วยรางวัลยืนยันความสำเร็จมากมาย ถึงแม้ลูกสุนัขที่คุณต้องการจะมีราคาแพงกว่าร้านเล็กๆ อยู่บ้าง แต่ก็ต้องแลกกันกับความสบายใจ และความสำเร็จที่เขาสั่งสมมา เพราะอย่างน้อยคุณก็วางใจได้ว่าคุณได้ลูกสุนัขที่มีคุณภาพ

บางทีร้านเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนั้น ราคาลูกสุนัขจะถูกกว่าร้านใหญ่ค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มีสิ่งใดทำให้คุณอุ่นใจได้ว่าลูกสุนัขที่คุณซื้อนั้นเป็นลูกสุนัขที่มีคุณภาพเพียงใด เคยมีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ว่ามีคนเคยไปซื้อลูกสุนัขไทยหลังอานที่ตลาดนัดแห่งใหญ่ใจกลางกรุงในราคาตัวหนึ่งหลายหมื่นบาท แต่เมื่อนำกลับมาบ้านแล้วนำไปอาบน้ำ กลับกลายเป็นว่าเป็นสุนัขไทยธรรมดาที่อานหายไป เพียงแต่เจ้าของร้านนำเจลแต่งผมใส่ที่หลังของสุนัขแล้วหวีขนของมันให้สวนทางให้ดูคล้ายสุนัขหลังอานเท่านั้นเอง ซึ่งกรณีนี้เคยเป็นข่าวทอล์กออฟเดอะทาวน์กันเลยที่เดียว นิตยสารที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั่วไปนั้น ต่างแนะนำให้ผู้ที่อยากเลี้ยงสุนัขซื้อสุนัขจากผู้เพาะพันธุ์โดยตรง จะเห็นได้ว่าตอนนี้ผู้ที่อยากเลี้ยงสุนัขหันมาให้ความนิยมในจุดนี้เพิ่มมากขึ้น หากเราได้ศีกษาสายพันธุ์มาก่อนและได้ทำความเข้าใจกับผู้เพาะเลี้ยงประจำสายพันธุ์ไทยหลังอานโดยตรง ก็จะทำให้เราเป็นผู้เข้าใจการเลี้ยงดูรวมทั้งเรื่องสุขภาพของสุนัขไทยหลังอานได้โดยตรงอย่างละเอียด ซึ่งเราก็จะได้รับคำปรึกษาหลังการซื้อไปแล้วได้อีกด้วย หากเราไม่สามารถซื้อลูกสุนัขจากผู้เพาะเลี้ยงได้โดยตรงและจำเป็นต้องซื้อจากร้านขายสัตว์เลี้ยงแล้วล่ะก็เราก็มีข้อควรพิจารณาดังนี้
-ร้านที่ทำการแยกลูกสุนัขออกเป็นส่วนๆ โดยพยายามไม่ให้คนสัมผัสตัวลูกสุนัขได้หรือไม่ เพราะหากสัมผัสกับมือคนมากๆ ลูกสุนัขมีโอกาสติดเชี้อโรคได้มาก รวมทั้งอาจเป็นที่มาของความเครียดได้ด้วย -ร้านที่มีการฉีดยาป้องกันโรคและการตรวจอุจจาระให้ลูกสุนัขหรือไม่ เพราะในช่วงลูกสุนัขยังเล็กอยู่นั้นจะมีโอกาสที่จะเป็นพยาธิได้มาก หากเป็นผู้เพาะเลี้ยงหรือร้านที่จะต้องทำการตรวจสอบโดยเร็ว เพราะหากช้าไปแม้แต่เพียงนิดเดียวอาจทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับตับไปตลอดชีวิตได้
-ทางร้านนำลูกสุนัขมาขายก่อนอายุ 5 สัปดาห์หรือไม่ เพราะอายุขนาดนั้นนับว่าเร็วเกินไป ลูกสุนัขจะไม่มีโอกาสอยู่กับพี่น้องทำให้ไม่ชินกับสังคมภายนอกอย่างเพียงพอ
-เราควรทำการสอบถามเกี่ยวกับสายพันธุ์อย่างละเอียด เพื่อทดสอบดูความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลูกสุนัข
101ไทยหลังอาน

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โดเรมอน

โดเรมอน
มีหลายคนยังไม่เคยดูตอนนี้ รวมผมด้วยพึ่งได้ดูเมื่อ 3 -4 วันนี้เอง เป็นตอนเก่ามากแล้วดูแล้วก็ซึ้งมากคับ ผมรักโดเรม่อน T^T โหวตหั้ยด้วยเน้อ (ไม่โหวตขอหั้ยอุจาระไหล) อิอิ ล้อเล่น
คะแนน: 300 ชอบ, 8 ไม่ชอบ
Tag: คลิป การ์ตูน ญี่ปุ่น โดราเอมอน โดเรม่อน
ชนิด: คลิป - ประเภท: เกมส์การ์ตูน
117 บทวิจารณ์ 1,072,390 คนอ่าน

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทานคุณธรรม-โลภมากลาภหาย

กุมภาพันธ์ 1st, 2010นิทานคุณธรรม – โลภมากลาภหาย
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุณีชื่อถูลนันทา ผู้ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคกระเทียม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง มีภรรยาและได้ลูกสาว ๓ คน ชื่อ นันทา นันทวดี และสุนันทา พอลูกสาวทั้ง ๓ ได้สามีแล้วทุกคน พราหมณ์ก็ได้เสียชีวิตไปเกิดเป็นหงส์ทองคำระลึกชาติได้ วันหนึ่ง ได้เห็นความลำบากของนางพราหมณีและลูกสาวของตนที่ต้องรับจ้างคนอื่นเลี้ยงชีพ จึงเกิดความสงสาร ได้โผบินไปจับที่บ้านนางพราหมณีแล้วเล่าเรื่องราวให้แก่นางพราหมณีและลูกสาว ฟัง และได้สลัดขนให้แก่พวกเขาเหล่านั้นคนละหนึ่งขนแล้วก็บินหนีไป หงส์ทองได้มาเป็นระยะๆ มาครั้งใดก็สลัดขนให้ครั้งละหนึ่งขน โดยทำนองนี้นางพราหมณีและลูกสาวจึงร่ำรวยและมีความสุขไปตามๆ กัน ต่อมาวันหนึ่งนางพราหมณีเกิดความโลภจึงปรึกษากับลูกๆ ว่า ” ถ้าหงส์มาครั้งนี้ พวกเรา จะจับถอนขนเสียให้หมด เพื่อจะได้มีทรัพย์สมบัติมาก ” พวกลูกๆ ไม่เห็นดีด้วย แต่นางพราหมณีไม่สนใจ ครั้นวันหนึ่งพญาหงส์ทองมาอีก นางก็ได้จับถอนขนเสียให้หมด ขนเหล่านั้นกลายเป็นขนนกธรรมดาเท่านั้น เพราะพญาหงส์ทองมิได้ให้ด้วยความสมัครใจ นางพราหมณีได้เลี้ยงหงส์นั้นจนขนงอกขึ้นใหม่เต็มตัว หงส์ก็ได้บินหนีไปโดยไม่ได้กลับมาอีกเลยพระพุทธองค์ เมื่อนำอดีตนิทานมาสาธกแล้ว ได้ตรัสพระคาถาว่า ” บุคคลได้สิ่งใด ควรยินดีสิ่งนั้น เพราะความโลภเกินประมาณ เป็นความชั่วแท้ นางพราหมณี จับเอาพญาหงส์ทองแล้วจึงเสื่อมจากทองคำ ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โลภมาก มักลาภหาย

นิทานคุณธรรม-คนมีศิลปะ

กุมภาพันธ์ 1st, 2010นิทานคุณธรรม – คนมีศิลปะ
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้ฆ่าหงส์รูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นอำมาตย์ในเมืองพาราณสี มีพราหมณ์ปุโรหิตผู้พูดมากคนหนึ่งประจำราชสำนัก ถ้าเขาได้พูดแล้วคนอื่นจะไม่มีโอกาสได้พูดเลย สร้างความรำคาญให้แก่ผู้คนเป็นอย่างมากแม้กระทั่งพระราชา พระองค์จึงคิดหาวิธีสกัดคำพูดของปุโรหิตนั้น
วันหนึ่ง พระองค์เสด็จไปพระอุทยานด้วยพระราชรถ ถึงต้นไทรทอดพระเห็นพวกเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงดูชายง่อยเปลี้ยผู้หนึ่ง ดีดก้อนขวดซัดใส่ใบไม้เจาะรูเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ อยู่ จึงเสด็จเข้าไปทอดพระเนตรดู ทรงคิดได้วิธีสกัดคำพูดของปุโรหิต รับสั่งให้ชายง่อยเปลี้ยเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามว่า” ในราชสำนักของเรา มีคนพูดมากอยู่คนหนึ่ง เจ้า สามารถทำให้เขาหยุดพูดได้ไหม ? ”เขากราบทูลว่า” ถ้าได้ขี้แพะถังหนึ่ง อาจทำให้เขาหยุดพูดได้ พระเจ้าค่ะ ”
จึงรับสั่งให้นำชายง่อยเปลี้ยเข้าวังด้วย ให้เขานั่งภายในม่านเจาะรูตรงข้ามกับที่นั่งของพราหมณ์ปุโรหิตผู้พูดมากนั้น พร้อมให้วางขี้แพะแห้งไว้ใกล้ ๆชายง่อยเปลี้ยนั้น พอได้เวลาพราหมณ์ปุโรหิตเข้าเฝ้า เขาก็เริ่มกราบทูลพูดโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่น เมื่อเขาอ้าปากพูดคำไหน บุรุษง่อยเปลี้ยก็ดีดขี้แพะที่ทำเป็นก้อนเล็กๆ ผ่านม่านเข้าปากเขาทุกคำพูด พราหมณ์ปุโรหิตจึงได้กลืนกินขี้แพะโดยไม่รู้ตัวพระราชาทรงทราบว่าขี้แพะหมดแล้ว จึงตรัสว่า” ท่านอาจารย์ ท่านกลืนกินขี้แพะไปตั้งถังหนึ่งแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือ ? ท่าน จงไปถ่ายท้องก่อนที่จะตายเสียเถิด ”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พราหมณ์ปุโรหิตปิดปากสนิท แม้ใครจะพูดด้วย ก็ไม่ค่อยจะพูด พระราชาทรงสบายพระทัยแล้วรับสั่งให้พระราชทานบ้าน ๔ หลัง อยู่ในทิศทั้ง ๔ ทิศ พร้อมทรัพย์สินแก่ชายง่อยเปลี้ยนั้น
ฝ่ายอำมาตย์ ได้เข้าเฝ้าพระราชาแล้วกราบทูลว่า“ธรรมดาศิลปะในโลก บัณฑิตทั้งหลาย พึงเรียน แม้เพียงดีดก้อนกวด ก็ยังช่วยให้ชายง่อยได้สมบัตินี้ ” แล้วกล่าวคาถานี้ว่า” ขึ้นชื่อว่าศิลปะ แม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง ก็สามารถให้สำเร็จประโยชน์ได้โดยแท้ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรบุรุษง่อย ได้บ้านทั้ง ๔ ทิศ ก็ด้วยการดีดขี้แพะ ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นกับชีวิต และไม่ควรเป็นคนพูดมาก

นิทานคุณธรรม-ปลาเจ้าปัญญา

กุมภาพันธ์ 1st, 2010นิทานคุณธรรม – ปลาเจ้าปัญญา
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้เฒ่า ๒ รูป ที่ผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นผู้เกียจคร้าน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีปลา ๓ ตัว เป็นสหายกันชื่อว่า พหุจินตี อัปปจินตี และมิตจินตี ตามลำดับ พากันว่ายออกจากป่าลึกเข้ามาใกล้ถิ่นมนุษย์หากิน
ปลามิตจินตีบอกกับเพื่อนๆว่า ” ถิ่นมนุษย์เต็มไปด้วยภัย พวกชาวประมงพากันดักข่ายและไซพวกเรา เข้าป่าลึกตามเดิมเถอะเพื่อน ” ปลาอีก ๒ ตัว พูดว่า ” วันพรุ่งนี้ พวกเราค่อยไปเถิด ” เพราะความเกียจคร้านและติดใจในเหยื่อจนเวลาล่วงไปถึง ๓ เดือน
ชาวประมง ได้เริ่มวางข่ายดักปลาในแม่น้ำ ปลาพหุจินตีและอัปปจินตี เมื่อออกหาอาหารพากันว่ายไปข้างหน้าอย่างไม่ระวัง ก็ว่ายเข้าไปในท้องข่ายทันที ส่วนปลามิตจินตี มาทีหลังได้กลิ่นข่ายก็ทราบว่าเพื่อนอีก ๒ ตัว ติดข่ายแล้ว จึงช่วยเพื่อนด้วยการแสดงลวงให้ชาวประมงเข้าใจว่าข่ายขาดปลาหนีไปได้ ด้วยการกระโดดข้ามข่ายไปมา พวกชาวประมงจึงยกข่ายขึ้นด้วยเข้าใจว่าข่ายขาด ปลาอีก ๒ ตัว จึงรอดออกมาได้ ด้วยการช่วยเหลือของปลามิตจินตี
พระพุทธองค์ เมื่อตรัสเล่าอดีตนิทานแล้ว ได้ตรัสพระคาถาว่า” ปลาชื่อพหุจินตีและปลาชื่ออัปปจินตี ทั้ง ๒ ตัวติดอยู่ในข่ายปลาชื่อมิตจินตีได้ช่วย ให้หลุดพ้นจากข่ายปลาทั้ง ๒ ตัว จึงได้มาพร้อมกันกับปลามิตจินตี ในแม่น้ำนั้น ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะจะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี

นิทานคุณธรรม-ดีแต่สอนคนอื่น

กุมภาพันธ์ 1st, 2010นิทานคุณธรรม – ดีแต่สอนคนอื่น
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุณีผู้พร่ำสอนรูปหนึ่งมักห้ามภิกษุณีรูปอื่นๆไปในที่หวงห้ามแต่ ตนเองกลับไป เป็นเหตุให้ประสบเหตุร้าย ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกป่า จ่าฝูงของนกนับร้อยตัว อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ วันหนึ่ง มีนางนกจัณฑาลตัวหนึ่ง แตกฝูงไปหากินไกลถิ่น ที่ทางใหญ่กลางดง ได้เมล็ดข้าวเปลือกและถั่วที่ตกหล่นจากเกวียนชาวบ้านเป็นอาหาร เกิดความโลภอยากเก็บไว้กินผู้เดียว เมื่อกลับมาหาฝูงจึงให้โอวาทแก่ฝูงนกว่า ” ธรรมดาทางใหญ่ในดงลึก มีภัยเฉพาะหน้ามาก ทั้งจากฝูงช้าง ม้าและยวดยานที่เทียมโค ถ้าไม่โผบินขึ้นได้เร็ว ก็อย่าไปที่นั้นนะ ” ฝูงนกจึงตั้งชื่อให้นางนกนี้ว่า แม่อนุสาสิกา
ต่อมาวันหนึ่ง นางกำลังหากินอยู่ ได้ยินเสียงยานแล่นมาด้วยความเร็ว ก็เหลียวดูนึกว่า ยังอยู่ไกลตัว ทันใดนั่นเอง ยานพลันถึงตัวนาง ด้วยความเร็วปานลมพัด นางไม่อาจโผบินขึ้นได้ทัน จึงถูกล้อยานทับตัวขาดเป็นสองท่อน นอนตายอยู่ตรงนั้น
นกจ่าฝูง เมื่อไม่เห็นนางกลับมาเข้าฝูง จึงเรียกประชุมนกและให้ออกติดตามหา ไปพบนางในที่นั้น จึงกล่าวคาถาว่า” นางนกป่าชื่ออนุสาลิกา พร่ำสอนนกตัวอื่นอยู่เนืองนิตย์แต่ตัวเองกลับโลภจัด จึงถูกล้อรถบดขยี้ขาดเป็น ๒ ท่อน นอนอยู่ที่หนทางใหญ่ ”นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่ากินคนเดียวไม่อร่อย และกินได้ไม่นานดี

นิทานคุณธรรม-ตายเพราะปาก

กุมภาพันธ์ 1st, 2010นิทานคุณธรรม – ตายเพราะปาก
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุชื่อโกกาลิกะ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ เมื่อเรียนจบศิลปะทุกอย่างจากเมืองตักกสิลา แล้วบวชเป็นฤาษี ได้เป็นอาจารย์ผู้ให้โอวาทแก่ฤาษี ๕๐๐ ตน
ในที่นั้น มีฤาษีขี้โรคผอมเหลืองผู้หนึ่ง วันหนึ่ง ท่านกำลังนั่งฝ่าฝืนอยู่ ได้มีฤาษีปากมากผู้หนึ่งเข้ามานั่งใกล้ๆ แล้วพูดว่า ” ท่านจงฟันอย่างนี้ จงฟันตรงนี้ ”
ทำให้ฤาษีขี้โรคโกรธแล้วกล่าวว่า ” ท่านไม่ใช่อาจารย์สอนศิลปะการฝ่าฟืนของผมนะ ” จึงฟันดาบสนั้นเสียชีวิตด้วยมีดฝ่าฟืนนั่นเอง
และในที่ไม่ไกลจากที่อยู่ของฤาษี มีนกกระทาตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่จอมปลวก ทุกเช้าเย็นมันจะขึ้นไปยืนขันเสียงดังลั่นอยู่บนจอมปลวกนั้นเป็นประจำทุกวัน เป็นเหตุให้พรานผู้หนึ่งมาจับมันไปเป็นอาหารฤาษีพระโพธิสัตว์ไม่ได้ยินเสียงมันขันจึงถามหมู่ฤาษี เมื่อทราบเหตุการณ์นั้นแล้ว ได้กล่าวคาถานี้ท่ามกลางหมู่ฤาษีว่า” คำพูดที่ดังเกินไป รุนแรงเกินไป และพูดเกินเวลาย่อมฆ่าคนผู้มีปัญญาทรามเสียเหมือนเสียงฆ่านกกระทา ที่ขันดังเกินไป ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการพูดมากไม่ดี ควรพูดตามกาลเทศะ และพูดแต่ที่ดี