วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทานหมาป่า

เอาไว้ เทวดาผู้พิทักษ์ป่าจึงได้ปรากฏกายและให้พรตามใจปรารถนาแก่หมาป่าสีเทา ๒ ข้อ “เจ้าจะขออะไรก็ได้ ๒ อย่าง ยกเว้นขอให้พร ๒ ข้อเพิ่มเป็น ๑๐๐ ข้อ” เทวดาบอกกับหมาป่าเช่นนั้น หมาป่าสีเทาคิดหนัก มันจะต้องการอะไรดีนะ ที่ที่มันอยู่ก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีที่ให้วิ่งเล่น มีอากาศบริสุทธิ์ มีบ้าน มีเพื่อนดีๆ แล้วจะขออะไรดีล่ะ มันคิดๆๆๆๆ “เร็วๆ หน่อยสิ ข้ายังต้องไปให้พรผู้ที่ทำความดีอีกตั้งหลายที่” เทวดาเร่ง เพราะภารกิจของท่านเทวดานั้นมากมาย “งั้นขอให้ได้เป็นคน ๑ วัน” หมาป่าสีเทาคิดพรข้อแรกออกมาจนได้ “วู้...จะเป็นไปทำไมกันล่ะนั่น เอ้าๆ ตามใจๆ แล้วอีกข้อล่ะ เร็วๆๆ จะหมดเวลาแล้ว” “ขอ...เอ่อ...ขออะไรไม่รู้ คิดไม่ออก ไม่อยากได้แล้ว” “ไม่ได้ๆ ข้าบอกว่า ๒ ข้อ ก็ ๒ ข้อสิ เทวดาพูดแล้วต้องรักษาคำพูด” เทวดาใจร้อนเริ่มหงุดหงิด “ขอ...เอ่อ...” “วุ้ยช้าจริง เอาเป็นว่าข้อ ๒ เหมือนข้อแรกก็แล้วกัน” ท่านเทวดาสรุปเอาเอง “พรทั้ง ๒ ข้อจะหมดอายุภายใน ๗ วัน วิธีใช้ก็ง่ายๆ แค่พูดว่า คนคนคน ก็จะได้เป็นคน ๑ วัน หลังจากนั้นก็หาเวลาเป็นคนอีกครั้งก่อนพรข้าจะเสื่อมก็แล้วกัน เฮ้อ...ขออะไรไม่ขอ บอกก่อนนะว่าไม่สนุกเลยซักนิด” “ไม่สนุกยังไงล่ะท่าน ยังงี้ข้าเปลี่ยนใจได้มั้ย” หมาป่าชักลังเล “ไม่ได้ เทวดาให้พรแล้วเปลี่ยนไม่ได้ อย่าลืมใช้พรให้ครบล่ะ มิฉะนั้นทำดีคราวต่อไปอดได้พรแน่” พูดจบท่านเทวดาก็หายวับไป “แปลกเทวดาแฮะ ผลุบๆ โผล่ๆ ลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล แล้วพรที่ได้จะทำให้เราเป็นคนเพี้ยนๆ เหมือนท่านเทวดามั้ยนะ ลองเลยละกัน คนคนคน” แล้วหมาป่าสีเทาได้กลายเป็นคน ๑ วันตามที่ขอไว้ มันออกจากป่าเข้าไปในหมู่บ้าน และพอมันกลับมาก็เอาแต่นั่งซึมเศร้าอย่างที่เล่าไว้บรรทัดแรกนั่นแหละ ........................................ “เป็นอะไรไปน่ะ นั่งซึมเชียว” หมาป่าสีน้ำตาลถามด้วยความเป็นห่วง หมาป่าสีเทาจึงเล่าเรื่องที่มันได้เจอเทวดาให้หมาป่าสีน้ำตาลฟัง “โอ้โฮ...มีเรื่องสนุกๆ ไม่ยอมบอกกันบ้างเลย มินาล่ะหายไปทั้งวัน เอ๊ะ...แล้วทำไมมานั่งซึมแบบนี้ล่ะ ไม่สนุกหรอ? เล่าต่อสิ เล่าต่อๆ” หมาป่าสีน้ำตาลตื่นเต้นกับเรื่องที่หมาป่าสีเทาเล่า “มันแย่มากๆ เลยล่ะ ฉันคิดว่าหมาป่าเท่ๆ อย่างพวกเราจะเป็นขวัญใจเด็กๆ ซะอีก ที่ไหนได้...” หมาป่าสีเทาร้องไห้โฮ จนหมาป่าสีน้ำตาลตกใจ “ทำไมๆ เกิดอะไรขึ้น พวกเด็กๆ ทำอะไรหรอ” “พวกเขาบอกว่าหมาป่าเป็นตัวร้าย นิทานเรื่องไหนๆ ก็เป็นตัวร้าย ทั้งหนูน้อยหมวกแดง ลูกหมู ๓ ตัว เด็กเลี้ยงแกะ เรื่องไหนๆ หมาป่าก็ใจร้ายทั้งนั้น ฉันบอกพวกเด็กๆ ว่า พวกเราไม่เคยกินเด็กอย่างหนูน้อยหมวกแดง ยิ่งคนแก่อย่างคุณยายยิ่งไม่น่ากิน แต่ไม่มีเด็กคนไหนรักหมาป่าเลย” หมาป่าสีน้ำตาลได้ฟังเช่นนั้นก็เศร้าตามไปด้วย “นายยังเหลือพรอีกข้อนึงนี่ ไปดูเด็กที่อื่นๆ มั้ยว่าเค้าคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า” หมาป่าสีน้ำตาลอยากรู้ว่าเด็กทุกๆ คนจะมองว่าพวกมันเป็นตัวร้ายจริงหรือเปล่า แต่หมาป่าสีเทาสรุปว่าเด็กทุกคนคิดแบบนั้นไปแล้วมันจึงปฏิเสธ “ไม่ล่ะ นิทานที่ว่านั่นมันดังไปทั่วโลก เด็กที่ไหนๆ ก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ ฉันไม่ใช้พรข้อที่เหลือหรอก ไม่สนุกอย่างที่เทวดาบอกไว้จริงๆ ด้วย” หมาป่าสีเทาไม่ยอมใช้พรข้อที่เหลือ จนถึงวันครบกำหนดที่พรของเทวดาจะหมดอายุลง วันนั้นเทวดามาเคาะประตูบ้านของมันแต่เช้า “นี่ๆๆ ตื่นซะที รีบๆ ไปใช้พรให้ครบๆ” เทวดาตะโกนเรียก “ไม่เอา ไม่สนุก” หมาป่าสีเทาตะโกนตอบ “ไม่ได้ๆๆๆ ได้พรแล้วต้องใช้ให้ครบ” “แต่ข้าไม่ได้ขอพรข้อ ๒ นี่ ท่านพูดเองเออเองนะ” หมาป่าสีเทาเถียง “ไม่รู้ล่ะยังไงก็ต้องทำตามนั้น ถ้าเจ้าไม่ใช้พรวิเศษก็เสียชื่อข้าหมด” ว่าแล้วเทวดาก็เสกหมาป่าให้กลายเป็นคนแล้วส่งมันไปในที่ที่หนึ่ง หมาป่าสีเทาในร่างมนุษย์หล่นตุ๊บลงในสวนสาธารณะ เมื่อมันลุกขึ้นก็พบว่ามีเด็กชายตัวเล็กจ้องมองมันอยู่ “โตแล้วยังจะหกล้มอีก น้าไม่ค่อยได้กินผักล่ะสิถึงไม่แข็งแรง” เด็กชายพูดแล้วก้มลงระบายสีในสมุดภาพที่อยู่ตรงหน้า หมาป่าขยับเข้ามาดูว่าเด็กชายระบายภาพอะไร “ไม่แบ่งให้ระบายหรอก” เด็กชายหูกางรวบสมุดระบายสีกองใหญ่เข้าใกล้ตัว “ไม่แย่งระบายหรอกน่า หนูชื่ออะไร” “พี่กร” “ตัวนิดเดียวทำไมเป็นพี่ล่ะ” “ใหญ่กว่าน้องอนุบาลก็แล้วกัน หนูอยู่ ป. ๑ จะขึ้น ป. ๒ แล้วนะ” เด็กชายกอดสมุดระบายสีแน่น “ขอดูหน่อยน่าไม่แย่งระบายหรอก มีตัวอะไรมั่ง” “นี่ริวคิ นี่มดแดง นี่โปเกม่อน นี่พาวเวอร์เรนเจอร์ นี่โกโกไฟต์” เด็กชายจิ้มๆๆ ตัวโน้นตัวนี้อย่างสนุกสนาน “มีเยอะจัง แล้วเล่มนั้นล่ะ” หมาป่าชี้ไปที่หนังสือสีสวยที่อยู่ล่างสุด “นั่นมันนิทานแปะสติ๊กเกอร์ เรื่องหมาป่ากับลูกแพะทั้ง ๗” ชื่อแบบนี้หมาป่าเป็นตัวโกงอีกแน่เลย หมาป่าสีเทาคิด และคาดว่าเด็กชายตัวจิ๋วหูกางคนนี้ก็คงเกลียดหมาป่าเหมือนเด็กอื่นๆ แต่... “เรื่องนี้ตลกดีอ่ะน้า หมาป่าอะไรจะกินลูกแพะเข้าไปได้ตั้ง ๖ ตัว แถมกลืนเอื๊อกลงไปไม่ได้เคี้ยว หมาป่าไม่ใช่งูเหลือมซะหน่อย” เด็กชายชี้ให้หมาป่าสีเทาดูภาพพลางหัวเราะ “หนูไม่เชื่อเรื่องที่เค้าเล่าหรอ?” “มันไม่ใช่เรื่องจริงนี่ แม่บอกว่าคนที่แต่งเรื่องขึ้นมาเขาต้องการจะสอนให้เด็กๆ รู้จักระวังตัว ระวังคนแปลกหน้า แต่น้าก็เป็นคนแปลกหน้านี่น่า” เด็กชายทำท่าระแวง “แล้วถ้าน้าบอกว่า น้าเป็นหมาป่าด้วยล่ะ แฮ่....” หมาป่าสีเทาแกล้งทำท่าแยกเขี้ยว กางเล็บใส่ “น้าอย่ามาอำ หนูอยู่ ป. ๑ แล้ว ไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นหรอก หมาป่าจะปลอมเป็นคนได้ยังไง...แฮ่...” เด็กชายแยกเขี้ยวตอบบ้าง “แต่ว่าหนูไม่ได้เกลียดหมาป่าใช่มั้ย” “ไม่เกลียดหรอก เจ๋งดี เรื่องลูกหมู ๓ ตัวน่ะ หมาป่าเป่าปู้ดเดียวบ้านพังเลย” เด็กชายยิ้มกว้างประกายตาระยับ “แต่เด็กๆ ไม่มีใครรักหมาป่าเลย” “เดี๋ยวพวกเค้าโตก็รู้เองล่ะน่าว่านั่นมันเรื่องหลอกเด็ก” เด็กชายวางท่าราวกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่กำลังพูดกับเด็ก “เอาไว้หนูบอกแม่ให้เขียนเรื่องที่หมาป่าเป็นพระเอกมั่งดีกว่า” “ทำแบบนั้นได้หรอ” “ได้สิ แม่หนูเค้าเขียนนิทานโน่นนี่ไปเรื่อยแหละ แต่จริงๆ แล้ว หนูอยากให้เค้าเขียนเรื่องแบบดรากอนบอลมากกว่า” “หนูบอกแม่ให้เขียนจริงๆ นะ” หมาป่าสีเทายิ้มกว้างพลางจับมือเด็กชายตัวจ้อย “อือ...เอ๊ย...ครับ” เด็กชายเขย่ามือตอบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น